วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ภาระิกิจกรมชลประทาน



ภาระิกิจกรมชลประทาน

ตามคำสั่งกรมชลประทาน ที่ 249/2554 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2554 เรื่องการแบ่งงานและหน้าที่ความรับผิดชอบของสำนักชลประทานที่ 1-17 (เป็นการภายใน) ได้กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของโครงการชลประทาน (จังหวัด) ไว้ ดังนี้
หน้าที่ความรับผิดชอบของโครงการชลประทาน (จังหวัด)
1) วางแผน ควบคุม ตรวจสอบการดำเนินการส่งน้ำและบำรุงรักษาของ โครงการพิเศษที่ได้รับมอบหมาย
2) ควบคุมและบริหารงานทั่วไปด้านพัสดุครุภัณฑ์งานธุรการและงานบัญชีการเงิน
3) ควบคุมดำเนินงานของกรมชลประทานภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ
4) ติดต่อประสานงานกับส่วนราชการอื่นๆ เพื่อเร่งรัดการปรับปรุงแหล่งน้ำ ส่งเสริมกิจกรรมในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ 
การเกิดอุทกภัย
5) ให้คำแนะนำในการใช้เครื่องสูบน้ำ บำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำ และระบบส่งน้ำ
6) วางแผนงานส่งน้ำและบำรุงรักษา และระบายน้ำ
7) จัดทำสถิติข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณน้ำท่า น้ำฝน และปริมาณน้ำที่ส่ง เข้าพื้นที่โครงการชลประทาน
8) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
9) ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

ซึ่งจากหน้าที่ความรับผิดชอบของโครงการชลประทาน (จังหวัด) ดังกล่าว สามารถสรุปบทบาทหน้าที่ภารกิจโครงการชลประทานได้ 3 ด้าน ดังนี้

1.ด้านการส่งน้ำและบำรุงรักษา 
2.ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ
3.ด้านการป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ


การถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามพระราชบัญญัติการถ่ายโอน พ.ศ. 2542 กรมชลประทานได้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจของชลประทาน 
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เสร็จสิ้น ตั้งแต่ ปี 2546 ภารกิจที่ต้องถ่ายโอน รวม 7 ภารกิจ คือ
1.การดูแลบำรุงรักษาและปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดเล็ก
2. การดูแลรักษาทางน้ำ
3. การดูแลรักษาปรับปรุง โครงการชลประทานระบบท่อ
4. การบำรุงรักษาทางชลประทาน
5. โครงการขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ
6. งานจัดสรรน้ำในระดับแปลงนาหรือคันคูน้ำ
7. การสูบน้ำนอกเขตชลประทาน


นโยบายและยุทธศาสตรการวิจัยกรมชลประทาน



                                     นโยบายและยุทธศาสตรการวิจัยกรมชลประทาน

นโยบายและยุทธศาสตรการวิจัยกรมชลประทานระหวาง พ.ศ. 2554-2556 ไดจัดทําขึ้นภายใตการมีสวนรวมจากทุกฝายที่เกี่ยวของ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อใชเปนกรอบทิศทางในการ
ดําเนินการวิจัยของหนวยงานตางๆในกรมชลประทาน และมุงใหบรรลุเปาหมายตามยุทธศาสตร์กรม
ชลประทาน ซึ่งมีพันธกิจ 4 ด้าน ได้แก่

(1) พัฒนาแหลงน้ําตามศักยภาพของลุ่มน้ำให้สมดุล
(2) บริหารจัด ก า ร น้ํา อ ยา ง มีป ร ะ สิท ธิภ า พ ทั่ว ถึง เ ปน ธ ร ร ม แ ล ะ ยั่ง ยืน
( 3 ) เ ส ริม ส รา ง ก า ร มีสว น รว ม ใ นกระบวนการพัฒนาและบริหารจัดการน้ําทุกระดับอยางบูรณาการ
(4) ดําเนินการปองกันและบรรเทาภัย
อันเกิดจากน้ํา นอกจากนี้นโยบายและยุทธศาสตรการวิจัยของกรมชลประทานยังมีความเชื่อมโยงและ
สอดคล้องักบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติฉับบที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) การปฏิรูประบบวิจัย
ของประเทศ และนโยบายการวิจัยของชาติพ.ศ. 2551-2554 อีกด้วยซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

1. สนับสนุนการวิจัยที่สอดคลองกับแผนยุทธศาสตรกรมชลประทาน สามารถเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ นโยบายและยุทธศาสตรการวิจัยของชาติ โดยการวิจัยจะตอบสนองความตองการในการแก ไขปญหาและพัฒนางานชลประทานอยางแทจริง พรอมกับดําเนินการควบคูกับการวิจัยเพื่อความเปนเลิศทางวิชาการ เปนรากฐานอันสําคัญของการพัฒนากรมชลประทานอย่างยั่งยืน

2. สงเสริมใหทุกหนวยงานของกรมชลประทานมีงานวิจัย และมีสวนรวมกันเสนอแนะปฏิบัติและตดตามผลเพื่อให้เกิดการพัฒนางานวิจัย

3. มุงสรางผลงานวิจัยและนวัตกรรมตามยุทธศาสตรการวิจัยของกรมชลประทาน (พ.ศ. 2554-2556) ซึ่งมีการจัดลําดับความสําคัญและความจําเปนของโครงการวิจัยที่สอดรับกับแนวทางการ
พัฒนางานชลประทานบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามเปาประสงคดานประสิทธิผลตามพันธ
กิจ ดานคุณภาพการใหบริการ ดานประสิทธิภาพของการปฏิบัติราชการ และดานการพัฒนาองคกร
สามารถนําผลการวิจัยที่ไดรับไปใชประโยชนในการแกไขปญหาและพัฒนางานชลประทานในเชิง
วิศวกรรม เศรษฐกิจและสังคม สรางความพึงพอใจในกรมชลประทาน

4. สนับสนุนงบประมาณเพื่อการวิจัยใหเพิ่มมากขึ้นและกระจายไปยังหนวยงานตางๆอย่างมีประสิทธภาพ

5. สงเสริมใหมีกลไกกระตุนใหเกิดความรวมมือระหวางหนวยงานวิจัยทั้งภายในและ
ภายนอกและการพัฒนาบุคลากรการวิจัยรวมกัน เพื่อสรางสรรคงานวิจัยและนวัตกรรมที่ มีคุณภาพ

6. ดําเนินยุทธศาสตรการวิจัยของกรมชลประทาน (พ.ศ. 2554-2556) อย่างเป็นเอกภาพ

เเบบแผนโครงสร้างหน่วยงานกรมชลประทาน


การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกองค์กร


การวางเเผนกลยุทธ

จากการวิเคราะห์ถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม ทางด้านกายภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และการศึกษาผลผลิตรวม (GDP) และ Productivity ของภาคการเกษตร (พืช) จากรายงานแผนกลยุทธ์การบริหารการจัดการลุ่มน้ำแบบบูรณาการของลุ่มน้ำทั่วประเทศ นำมากำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสำหรับลุ่มน้ำได้ดังนี้

1)ยุทธศาสตร์ที่ 1: เสริมสร้างบทบาทกรมชลประทาน เพื่อการปรับโครงสร้างการผลิตและสนับสนุนตลาดทางการเกษตร

2)ยุทธศาสตร์ที่ 2: เร่งรัดการปรับปรุงโครงสร้างและระบบการบริหารให้สามารถเพิ่มบทบาทและประสิทธิภาพในยุคของการแข่งขัน

3)ยุทธศาสตร์ที่ 3: เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชลประทาน

4)ยุทธศาสตร์ที่ 4: ดำเนินการป้องกัน แก้ไข และบรรเทาภัยจากน้ำ

5)ยุทธศาสตร์ที่ 5: ปฏิรูประเบียบการบริหารจัดการ การเงิน พัสดุ งบประมาณ ระบบการติดตามการประเมินผล และบุคลากร

6)ยุทธศาสตร์ที่ 7: พัฒนาระบบสารสนเทศและประชาสัมพันธ์งานชลประทาน

7)ยุทธศาสตร์ที่ 8: พัฒนาการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งน้ำ และบริหารการจัดการน้ำ และเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้ใช้น้ำ

วิเคราะห์ประเด็นยุทธศาสตร์

วิเคราะห์ประเด็นยุทธศาสตร์

1.การพัฒนาแหล่งน้ำ
2.การบริหารจัดการน้ำ
3.การป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ

จุดเด่น

1.เสริมสร้างบทบาทกรมชลประทาน เพื่อการปรับโครงสร้างการผลิตและสนับสนุนตลาดทางการเกษตร

2.เร่งรัดการปรับปรุงโครงสร้างและระบบการบริหารให้สามารถเพิ่มบทบาทและประสิทธิภาพในยุคของการแข่งขัน

3.เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชลประทาน

4.ดำเนินการป้องกัน แก้ไข และบรรเทาภัยจากน้ำ

5.ปฏิรูประเบียบการบริหารจัดการ การเงิน พัสดุ งบประมาณ ระบบการติดตามการประเมินผล และบุคลากร

6.พัฒนาแหล่งน้ำและระบบชลประทาน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ

7.พัฒนาระบบสารสนเทศและประชาสัมพันธ์งานชลประทาน

8.พัฒนาการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งน้ำ และบริหารการจัดการน้ำ และเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้ใช้น้ำ

9.เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาเเหล่งน้ำซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในสังคมไทย

จุดเเข็ง
มีสัดส่วนพื้นที่เกษตรต่อพื้นที่ลุ่มน้ำสูงสุด และมีระบบชลประทานที่สมบูรณ์และครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด

วิกฤษติ
ไม่มีแหล่งน้ำเก็บกักน้ำต้นทุนเป็นของตนเอง มีความต้องการใช้น้ำมากที่สุด มีปัญหาในด้านคุณภาพน้ำ

โอกาส

สามารถปรับปรุงระบบส่งน้ำและกระจายน้ำที่มีอยู่ให้ดีขึ้น

โครงร่างของหน่วยงานกรมชลประทานอุดรธานี


ข่าวสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการประเมินการจัดการความรู้





ส่วนฝึกอบรม สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล ร่วมกับทีมงานจัดการความรู้ กรมชลประทาน
จัดโครงการสัมมนาเชิงปฎิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการประเมินการจัดการความรู้สู่ความเป็นเลิศ ของกรมชลประทาน
(Knowledge Management Assessment : KMA) จำนวน 3 รุ่น โดยรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 26-27 มิ.ย. 2555 รุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 28-29 มิ.ย. 2555 รุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 3-4 ก.ค.2555
โดยมี ดร.บุญดี บุญญากิจ วิทยากรจากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ร่วมเป็นวิทยากรในการจัดสัมมนา ณ โรงแรมริชมอนด์ ถนนรัตนธิเบศร์ จ.นนทบุรี

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ข่าวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำที่แม่น้ำท่าจีน พบว่ามีปลาลอยหัวเนื่องจากน้ำเน่าเสีย ปัจจุบันได้ประสานงานให้เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานนครปฐมสำรวจพื้นที่และให้ความช่วยเหลือกับประชาชนในเบื้องต้นแล้ว

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำที่แม่น้ำท่าจีน พบว่ามีปลาลอยหัวเนื่องจากน้ำเน่าเสีย ปัจจุบันได้ประสานงานให้เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานนครปฐมสำรวจพื้นที่และให้ความช่วยเหลือกับประชาชนในเบื้องต้นแล้ว

อัตรากำลังโครงการชลประทานอุดรธานี

อัตรากำลังโครงการชลประทานอุดรธานี





ฝ่ายงาน ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ รวม
• ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุดรธานี 1
• ฝ่ายวิศวกรรม 3 4 - 7
• ฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน 4 1 5
• ฝ่ายช่างกล 1 6 1 8
• ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 1 14 1 16
• ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 1 3 - 4
• ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 1 4 - 5
• ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 1 6 - 7
• ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 5 1 1 - 2
• ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 6 1 - 12 13
• ฝ่ายปฏิบัติการสูบน้ำ 1 - 1 3
• งานบริหารทั่วไป 2 10 - 12
• หน่วยการเงิน 2 2 - 4
• หน่วยพัสดุ 2 3 1 4


รวมทั้งโครงการ 21 54 16 91

ทำเนียบผู้บริหาร

ทำเนียบผู้บริหาร

ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ระยะเวลาดำเนินงาน
1. นายชฏิล พรรณแพทย์ พ.ศ. 2491 – 2492
2. นายจิตร พิชญกุล พ.ศ. 2493 – 2494
3.นายไพศาล เทียนกล่ำ พ.ศ. 2494 – 2497
4. นายประจัญ ใจนักรบ พ.ศ. 2498 – 2500
5. นายเทพ ทองคำใส พ.ศ. 2501 – 2501
6. นายชาญ ชนะกานนท์ พ.ศ. 2502 – 2503
7. นายไพศาล ขำศรี พ.ศ. 2503 – 2507
... 8. นายพุ่ม พ่อค้า พ.ศ. 2507 – 2512
9. นายสันต์ รัตนะวิศ พ.ศ. 2512 – 2517
10. นายสุดใจ เอี่ยมจัง พ.ศ. 2517 – 2522
11. นายปรีชา นาคธรณินทร์ พ.ศ. 2522 – 2527
12. นายสุพร จันทร์พวง 1 ต.ค. 2527 – 30 ก.ย. 2541
13. นายกมล เปี่ยมไพศาล 1 ต.ค. 2541 – 31 มี.ค. 2542
14. นายพรชัย เชาวน์ชาติ 1 เม.ย. 2542 – 6 มี.ค. 2543
15. นายสุนทร บุพพัณชาติ 7 มี.ค. 2543 – 27 ธ.ค. 2544
16. นายพิชัย รัตนานคร 28 ธ.ค. 2544 – 11 ธ.ค. 2546
17. นายสมพร ดำนุ้ย 28 ม.ค. 2547 - 6 ธ.ค. 2553
18. ประพันธ์ ก้านทอง 7 ธ.ค. 2553 – 2554
19. ชูชาติ กลีบบัว 7 ธ.ค. 2554 – ปัจจุบัน

วิสัยทัศน์เเละพันธกิจ

วิสัยทัศน์

“น้ำสมบูรณ์ สนับสนุนการผลิต เสริมสร้างคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจมั่นคง”





พันธกิจ

พัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอตามศักยภาพของลุ่มน้ำ
จัดสรรน้ำในเขตโครงการชลประทานให้กับผู้ใช้น้ำฯอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ดำเนินการป้องกันและบรรเทาทุกภัยอันเกิดจากน้ำ
สนับสนุนการมีส่วนร่วมเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีดุลภาพและยังยืน



ประเด็นยุทธศาสตร์

การพัฒนาแหล่งน้ำ
การบริหารจัดการน้ำ
การป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ

สถานที่ ตั้งเเละติดต่อ


ประวัติโครงการชลประทานอุดรธานี





กรมชลประทาน ได้เริ่มงานชลประทานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในนาม “โครงการก่อสร้างอีสาน” โดยได้เริ่มงานก่อสร้างโครงการชลประทานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 มีที่ทำการตั้งอยู่ที่ จังหวัดนครราชสีมา สังกัดกองก่อสร้าง เป็นการก่อสร้างโครงการชลประทานประเภท เหมืองฝาย จำนวน 5 โครงการ ซึ่งมีโครงการชลประทานห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี รวมอยู่ด้วย และโครงการชลประทานประเภท สร้างคันกั้นน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยอีก จำนวน 3 โครงการ ดังต่อไปนี้
ประเภทเหมืองฝาย

1. โครงการลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา
2. โครงการทุ่งสัมฤทธิ์ จังหวัดนครราชสีมา
3. โครงการห้วยเสนง จังหวัดสุรินทร์
4. โครงการห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี
5. โครงการห้วยน้ำหมาน จังหวัดเลย

ประเภทบรรเทาอุทกภัย

1. โครงการลุ่มน้ำโขง จังหวัดหนองคาย
2. โครงการบ้านตูม-บ้านติ้ว จังหวัดมหาสารคาม
3. โครงการทุ่งแซงบาดาล จังหวัดร้อยเอ็ด
ในระยะนี้จังหวัดอุดรธานีจึงเป็นที่ตั้งหัวงาน

โครงการห้วยหลวง

โครงการดังกล่าวนี้ดำเนินการก่อสร้างได้เพียง 2 ปี ก็จำเป็นต้องหยุดชะงัก เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อในปี พ.ศ. 2492 หลังจากเลิกสงคราม ในขณะเดียวกันก็ได้เริ่มโครงการชลประทานประเภทเหมืองฝาย 1โครงการ คือ โครงการห้วยปลาหาง จังหวัดสกลนคร ในปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากประเทศสหรัฐอเมริกาผ่าน FAO MISSIONพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญคณะอื่น ๆ ในเวลาต่อมาอีกหลายคณะ เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำให้ทั่วภาคและโครงการชลประทานประเภทอ่างเก็บน้ำจะสามารถช่วยแก้ปัญหาการจขาดแคลนน้ำในภาคนี้ได้
ดังนั้นโครงการชลประทานประเภทอ่างเก็บน้ำจึงได้เริ่มโครงการขึ้นในปี พ.ศ. 2494 โดยได้รับความช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งในด้านวิชาการและเครื่องจักรเครื่องมือ ในระยะนี้ เริ่มมีช่างบังคับหมวดก่อสร้าง (ชมส.) รับผิดชอบงานก่อสร้างแต่ละจังหวัด รวมทั้งดูแลงานส่งน้ำและบำรุงรักษาโครงการชลประทานที่สร้างเสร็จแล้วด้วย จังหวัดอุดรธานีจึงเป็นที่ตั้งหัวงานหมวดก่อสร้างชลประทานจังหวัดอุดรธานี ในปี พ.ศ. 2502 ได้โอนโครงการก่อสร้างชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปอยู่กองชลประทานราษฏร์และให้โอนงานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปอยู่กกับกองชลประทานหลวง โดยมีหัวหน้าด้านบำรุงรักษาภาคต่าง ๆ เป็นผู้ควบคุมและบริหารงานด้านการส่งน้ำและบำรุงรักษาแต่ละภาค สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหัวหน้าด้านบำรุงรักษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ชตล.ตอน.) เป็นผู้รับผิดชอบและมีการแต่งตั้ง นายช่างควบคุมโครงการชลประทานประเภทเหมืองฝาย และประเภทบรรเทาอุทกภัยที่ได้ก่อสร้างมาตั้งแต่ระยะแรกดังกล่าว ซึ่งสามารถใช้งานได้แล้ว ชคล. แต่ละโครงการขึ้นตรงกับชตล.ตอน.

ในปี พ.ศ. 2507 กรมชลประทานได้แบ่งสายงานการควบคุมการบริหารงานส่งน้ำและบำรุงรักษาโครงการชลประทานที่สร้างเสร็จแล้วใหม่ โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแบ่งงานออกเป็น 5 เขต แต่ละเขตเป็นแผนกมีฐานะเรียกว่า แผนกโครงการชลประทานหลวง เขต 1-เขต 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนายช่างตรวจการชลประทานหลวงเขต (ชตล.เขต) เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ โดยแบ่งเขตรับผิดชอบ ดังนี้

ชตล.เขต 1 รับผิดชอบในเขตจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์

ชตล.เขต 2 รับผิดชอบในเขตจังหวัดอุดรธานี สกลนคร หนองคาย นครพนม

ชตล.เขต 3 รับผิดชอบในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสาราคาม กาฬสินธุ์
ชตล.เขต 4 รับผิดชอบในเขตจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์
ชตล.เขต 5 รับผิดชอบในเขตจังหว้ดขอนแก่น เลย

ในระยะนี้จังหวัดอุดรธานี เป็นที่ตั้งของ แผนกโครงการชลประทานหลวง เขต 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในปี พ.ศ. 2517 กรมชลประทาน ได้แบ่งการบริหารงานชลประทานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็น 2 ส่วน คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (มี 2 เขต ตือ เขต 1 และ เขต 2) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (มี 2 เขต คือ เขต 1 และเขต 2 เช่สนเดียวกัน) ในการแบ่งงานครั้งนี้ได้ยึดถือการกระจายปริมาณงานให้แต่ละเขตมีความรับผิดชอบเท่า ๆ กัน มิได้ยึดถือหลักการแบ่งตามลุ่มน้ำหรือหลักการแบ่งเขตการปกครอง เป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยากสับสน ในการติดต่อประสานงานกับส่วนราชการอื่น ๆ ในระยะนี้ จังหวัดอุดรธานีจึงเป็นที่ตั้ง ชลประทาน เขต 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

ในปี พ.ศ. 2518 กรมชลประทาน ได้พิจารณาแบ่งส่วนราชการใหม่ ตามคำสั่งกรม ที่ 201/2518 ลงวันที่ 10 เมษายน 2518 โดยกำหนดให้มี สำนักชลประทานที่ 1-12 แต่ละสำนักชลประทานเป็นหน่วยงานเทียบเท่าระดับกอง โดยมีผู้อำนวยการสำนักงาน (ผชป.) เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 สำนักชลประทาน คือ

สำนักชลประทานที่ 4 รับผิดชอบงานชลประทานในเขตจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี เลย และหนองคาย
สำนักชลประทานที่ 5 รับผิดชอบงานชลประทานในเขตจังหวัดอุบลราชธานี มุกดาหาร นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร
สำนักชลประทานที่ 6 รับผิดชอบงานชลประทานในเขตจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ
ในระยะนี้ จังหวัดอุดรธานีจึงเป็นที่ตั้ง โครงการชลประทานอุดรธานี ภายใต้ความรับผิดชอบของ สำนักชลประทานที่ 4